“อาหารอนาคต” Future Food นวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงวิถีการบริโภค และรักษาสิ่งแวดล้อม เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง โอกาสทองในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้ง แนวโน้มในอนาคต การขาดแคลนทรัพยากรอาหาร ชัดเจนขึ้น รวมถึงวิถีการผลิตอาหารเดิมๆ ที่เคยทำ มีส่วนสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การค้นหาทางออกที่ยั่งยืนในการผลิตอาหาร จึงกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ “อาหารอนาคต” (Future Food) จึงถูกมองว่า เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนให้กับระบบอาหารโลก
นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 อาหารอนาคต เริ่มได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะปลุกกระแสทำให้คนทั่วโลก หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ อุตสาหกรรม Future food โตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเราพูดถึงการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่
อาหารอนาคต คืออะไร
อาหารอนาคต หมายถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นการตอบสนองต่อความต้องการด้านโภชนาการ ความปลอดภัย และความยั่งยืน อาหารเหล่านี้ อาจรวมถึงโปรตีนจากพืช โปรตีนจากแมลง หรือแม้กระทั่งเนื้อที่ผลิตจากเซลล์ (lab-grown meat) ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อาหารอนาคต มีอะไรบ้าง
- โปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein)
อาหารที่ผลิตจากพืช เช่น ถั่วเหลือง เห็ด ข้าวสาลี และพืชอื่นๆ ที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น แฮมเบอร์เกอร์และอาหารสำเร็จรูป ซึ่งตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยมีการวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับการผลิตเนื้อสัตว์จากพืชโมเลกุลที่เรียกว่า Heme ที่สามารถรับรสชาติ และเนื้อสัมผัสแบบเนื้อสัตว์ได้
ข้อมูลจาก ยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ระบุว่า โปรตีนทางเลือก เป็นหมวดหนึ่งในอาหารแห่งอนาคต ที่มีมูลค่าการส่งออกร้อยละ 4.6 ของมูลค่าการส่งออกอาหารแห่งอนาคตรวมทุกหมวด หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6.4 พันล้านบาท โดยเฉพาะโปรตีนจากพืช มีศักยภาพในการกระตุ้นตลาดส่งออกของประเทศไทยอยู่มาก หากมีการผลิตเป็นจํานวนมากเพื่อทดแทนโปรตีนจากสัตว์แบบดั้งเดิม จะยิ่งบรรเทาผลกระทบเชิงลบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคปศุสัตว์ได้อย่างมหาศาล
- โปรตีนจากแมลง
แมลงมีโปรตีนสูง และสามารถผลิตได้อย่างยั่งยืน โดยประเทศไทยมีความหลากหลายในการผลิตแมลงเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ขนมขบเคี้ยว และอาหารเพื่อสุขภาพ และไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยโปรตีน และสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในด้านของการเจริญเติบโต ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อโลกน้อยกว่าการบริโภคเนื้อสัตว์อย่างมาก
- เนื้อสัตว์จากห้องทดลอง (Lab-Grown Meat)
เนื้อสัตว์ที่ผลิตจากเซลล์สัตว์ในห้องแล็บ โดยใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด เป็นแนวคิดที่มีการพัฒนามาได้สักพักแล้ว เพราะหากทำสำเร็จ จะช่วยลดการใช้ทรัพยากร และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปัญหาการปนเปื้อนในเนื้อสัตว์ และการทำปศุสัตว์แบบเลี้ยงทรมาน
- อาหารฟังก์ชัน (Functional Food)
อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพ เช่น อาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน หรือชะลอการเสื่อมของอวัยวะ
- สาหร่าย
สาหร่ายเป็นพืชน้ำที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกหนึ่งอาหารเสริมยอดนิยมสำหรับคนรักสุขภาพ เช่นเดียวกับแมลง สาหร่ายยังก่อให้เกิดอันตรายเพียงเล็กน้อยต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นอาหารแห่งอนาคต
- 3D Printing Food
เทคโนโลยีการพิมพ์อาหาร 3 มิติ ถูกนำมาใช้จริงในอุตสาหกรรมอาหารแล้ว เช่น สำหรับเชฟที่สร้างอาหารรูปทรงแปลกใหม่ หรือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหากับการเคี้ยวอาหาร ทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารในรูปทรงเหมือนจริงแต่ย่อยได้ง่ายกว่า ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้เนื้อเสมือนจริงแล้ว การพิมพ์แบบ 3 มิติ ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณเศษอาหารได้ เพราะในเศษอาหารบางชนิด ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการพิมพ์ได้ จึงนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดของเสียอันเป็นปัจจัยที่ทำให้โลกร้อนอีกด้วย
ซึ่งคาดการณ์ว่า ในปี 2568 อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในประเภท 3D Printing Food จะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 25%
ทำไมอาหารอนาคตจึงสำคัญในการลดโลกร้อน?
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การผลิตเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิม ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก โดยเฉพาะจากการเลี้ยงปศุสัตว์ เช่น วัวและแกะ ในทางกลับกัน อาหารอนาคต เช่น โปรตีนจากพืชหรือโปรตีนจากแมลง มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าอย่างมาก ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการลดผลกระทบนี้
- ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
การผลิตอาหารอนาคต มักใช้ทรัพยากรน้ำและพื้นที่น้อยกว่า เช่น การผลิตโปรตีนจากแมลง ต้องใช้น้ำเพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการเลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ พืชบางชนิด เช่น แหนเป็ด (Duckweed) สามารถเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรจำกัด ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างแหล่งอาหาร
- สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น
การพัฒนาอาหารอนาคตสามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- ตอบสนองต่อความต้องการด้านโภชนาการ
ด้วยประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการอาหารก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อาหารอนาคต สามารถช่วยจัดหาแหล่งโปรตีนที่เพียงพอสำหรับประชากรในอนาคต โดยไม่ต้องพึ่งพาการผลิตอาหารแบบดั้งเดิม ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง
แนวโน้ม “อาหารอนาคต” ในประเทศไทย
นอกจาก อุตสาหกรรม อาหารอนาคต Future Food จะเติบโตได้ด้วยแรงส่งจากเทรนด์โลกแล้ว เทคโนโลยีและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารยังจะเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต เพื่อตอบโจทย์และความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยประเทศไทย อยู่ในฐานะแหล่งผลิตสำคัญของโลก โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเสริมสุขภาพ (Functional Food) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 79 ของมูลค่าอาหารแห่งอนาคตในตลาดโลกในปี 2563 นอกจากนี้ ตลาดส่งออกของอาหารแห่งอนาคตไทยในปี 2565 มีมูลค่าถึง 1.3 แสนล้านบาท และเติบโตมากถึง 13.6% จากปี 2564
การเติบโตของตลาดอาหารอนาคตนี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ แต่ยังช่วยตอบสนองต่อความต้องการด้านโภชนาการและความยั่งยืนในระบบอาหารโลกอีกด้วย
อ้างอิง :
- https://www.salika.co/2024/06/24/4-future-food-thai-industry-2024/
- https://www.nxpo.or.th/th/16067/
- https://www.bangkokbanksme.com/en/10sme1-future-food-mega-trend