‘คลื่นความร้อน’ เผาบราซิล เตือนภัยระดับ 4 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

by Pom Pom

ต้อนรับปี 2568 นครรีโอ เดอจาเนโร บราซิล เผชิญ “คลื่นความร้อน” รุนแรง แตะ 44 องศาเซลเซียส ทำให้มีการเตือนภัยระดับ 4 ครั้งแรก เป็นประวัติการณ์

“คลื่นความร้อน” ได้เข้าปกคลุมนครรีโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล เป็นประวัติการณ์ ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก่อนเทศกาล “คาร์นิวัล” ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจะเริ่มขึ้น โดยอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 44 องศาเซลเซียส ตามรายงานของอุตุนิยมวิทยาของเมือง ส่งผลกระทบต่อคนงานก่อสร้าง ที่กำลังประกอบอุปกรณ์ประกอบงานเทศกาล และทำให้เกิดความกังวลว่า งานต่างๆ จะยังคงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่

จากความร้อนที่ทะลุ 44 องศาเซลเซียส ทำให้ ทางการบราซิลต้องออกประกาศเตือนภัย “ความร้อนระดับ 4” เป็นครั้งแรก ซึ่งการเตือนภัยระดับ 4 จะใช้ก็ต่อเมื่อคาดว่า อุณหภูมิจะพุ่งสูงอยู่ระหว่าง 40-44 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 3 วันติดต่อกัน โดยเจ้าหน้าที่เมือง ได้แนะนำให้ประชาชน หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ

ความร้อนรุนแรงเทียบเท่ากับสภาพอากาศแบบทะเลทราย

ความร้อนระดับนี้ ถูกเปรียบเทียบว่า มีสภาพเหมือนทะเลทราย ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และการทำงานของประชาชนอย่างมาก ชาวเมืองหลายคนบรรยายว่า สภาพอากาศในขณะนี้แทบจะทนไม่ได้ เนื่องจากทั้งอุณหภูมิที่สูง และความชื้นที่ทำให้รู้สึกอึดอัดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณที่แน่ชัดว่า อุณหภูมิจะลดลงในเร็วๆ นี้ ทำให้ประชาชนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง

ทั้งนี้ บราซิล มักจะเผชิญคลื่นความร้อนเข้าปกคลุม โดยเฉพาะเมื่อปี 2567 ได้สร้างสถิติใหม่ โดยดัชนีความร้อนของริโอเดจาเนโร แตะ 62.3 องศาเซลเซียส (144.1 องศาฟาเรนไฮต์) นับเป็นสถิติพุ่งสูงที่สุดในรอบทศวรรษ ขณะที่บันทึกดัชนีความร้อนก่อนหน้านี้ เคยถูกบันทึกไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 เมื่ออุณหภูมิพุ่งแตะระดับ 59.7 องศาเซลเซียส (139.5F) ซึ่งเป็น “สถิติสูงสุด” นับตั้งแต่ Alerta Rio เริ่มเก็บบันทึกดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2557

คลื่นความร้อน คือ

คลื่นความร้อน (Heatwave) คือปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยา ที่เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิในพื้นที่หนึ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ และต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ โดยทั่วไป คลื่นความร้อนมักเกิดจากระบบความกดอากาศสูงที่ครอบคลุมพื้นที่ ทำให้อากาศร้อนจัดถูกกักตัวไว้ และไม่สามารถระบายออกได้ง่าย รวมถึงอาจมีปัจจัยอื่น เช่น ความชื้นสูง หรือการเปลี่ยนแปลงของกระแสลมในชั้นบรรยากาศที่ส่งผลให้ความร้อนทวีความรุนแรงขึ้น

คลื่นความร้อนเกิดจากอะไร

  • ระบบความกดอากาศสูง (High Pressure System): เมื่อความกดอากาศสูงครอบคลุมพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะทำให้อากาศร้อนถูกกดทับลงมาและไม่มีการไหลเวียนของอากาศเย็นเข้ามาแทนที่
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change): การเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ทำให้คลื่นความร้อนเกิดบ่อยและรุนแรงกว่าในอดีต
  • ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño): การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถส่งผลกระทบต่อรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลก รวมถึงการเกิดคลื่นความร้อนในบางภูมิภาค
  • ความชื้นสัมพัทธ์: ในบางกรณี ความชื้นสูงร่วมกับอุณหภูมิสูงทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ยากขึ้น เพิ่มความรู้สึกไม่สบายและอันตรายจากความร้อน

ผลการศึกษาใหม่เผยว่า มนุษย์มีอิทธิพลต่อสภาพอากาศถึง 30 เท่า โดยเฉพาะการทำให้เกิดคลื่นความร้อนรุนแรงในเอเชียใต้และหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่า มันไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

“การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้คลื่นความร้อนรุนแรงขึ้นและยาวนานขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากมนุษย์ สัญญาณการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเหล่านี้สามารถตรวจจับได้ชัดเจน อย่างเช่น จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดจากคลื่นความร้อน” คำอธิบายจาก Vikki Thompson นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศที่สถาบัน Cabot แห่งมหาวิทยาลัย Bristol

ผลกระทบของคลื่นความร้อน

  • ด้านสุขภาพ: ทำให้เกิดอาการป่วยจากความร้อน เช่น ฮีทสโตรก (Heatstroke) การขาดน้ำ หรืออาการอ่อนเพลียจากความร้อน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว
  • ด้านสิ่งแวดล้อม: คลื่นความร้อนอาจทำให้เกิดไฟป่า ภัยแล้ง และน้ำในแหล่งธรรมชาติลดลง ส่งผลต่อระบบนิเวศและการเกษตร
  • ด้านเศรษฐกิจ: การสูญเสียผลผลิตทางการเกษตร ความเสียหายจากไฟป่า และการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเครื่องปรับอากาศ ล้วนสร้างภาระทางเศรษฐกิจ

ตัวอย่างคลื่นความร้อนในประวัติศาสตร์

  • ยุโรป ปี 2003: คลื่นความร้อนครั้งรุนแรงในทวีปยุโรป ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 ราย โดยเฉพาะในฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน อุณหภูมิในบางพื้นที่มีสูงถึง 40-45 องศาเซลเซียส
  • อินเดีย ปี 2015: อุณหภูมิพุ่งสูงเกิน 47 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 ราย
  • ประเทศไทย: ในช่วงฤดูร้อนของบางปี เช่น ปี 2023 อุณหภูมิในหลายจังหวัดสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส สร้างความท้าทายให้กับประชาชนและการใช้พลังงาน

คลื่นความร้อน วิธีป้องกัน

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: รักษาระดับน้ำในร่างกาย โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนจัด
  • หลีกเลี่ยงการออกแดด: อยู่ในที่ร่มหรือใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน
  • การเตรียมพร้อมของชุมชน: รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นควรจัดตั้งศูนย์พักพิงและให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของคลื่นความร้อน
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การลดการใช้พลังงานฟอสซิลและหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนจะช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม คลื่นความร้อน ไม่ใช่แค่เรื่องของอากาศร้อนธรรมดา แต่เป็นภัยธรรมชาติที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตและสังคม โดยเฉพาะในยุคที่สภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับคลื่นความร้อนจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน เพื่อปกป้องทั้งตัวเราและโลกใบนี้ในอนาคต

อ้างอิง :

Copyright @2021 – All Right Reserved.