ปล่อยวางอาการป่วยด้วยใจที่สงบ

by Admin

Part 1: ความเจ็บป่วยก็ให้อะไรดีๆกับเรา

คำพูดที่ว่าทุกคนต่างล้วนเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งนั้น คำพูดที่ว่า มีความหมาย คนเราเมื่อเกิดมาแล้วก็ย่อมแก่ย่อมเจ็บ ย่อมตาย เป็นเช่นนี้ทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าคนดีหรือคนชั่ว ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ไม่ว่าคนยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อย เศรษฐี หรือวณิพกก็ตาม

แน่นอนความเจ็บป่วยไม่มีใครปรารถนาที่จะเกิดขึ้น แต่บ่อยครั้งแม้เราจะพยายามป้องกันเพียงใด รักษาตัวให้ดีเพียงใด ความเจ็บป่วยความเจ็บไข้ก็ยังเกิดขึ้นกับเรา เช่นเดียวกับความพลัดพรากสูญเสีย ความไม่สมหวัง เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว มันมีหลายสิ่งหลายอย่างหรือบางสิ่งบางอย่างที่เราพอจะทำได้อยู่ อย่างแรกคือ การรักษาตัว อย่างที่สองคือ การรักษาใจ หรือการฝึกใจของเรา

ความเจ็บป่วยในสายตาของผู้คนทั้งหลายมันเป็นเคราะห์ เพราะว่ามันพลัดพราก หรือมันพรากเอาหลายสิ่งหลายอย่างที่มีค่าไปจากเรา เช่น ความปกติสุข เช่นโอกาสที่จะได้ทำตามความใฝ่ฝัน มันแทบจะตีบแคบลง มันพรากเอากำลังวังชาไปจากเราและบางครั้งมันก็พรากเอาทรัพย์สินเงินทองของเราและโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปไปจากเรา

แต่จริงๆ แล้วความเจ็บป่วยไม่เพียงพรากอะไรดีๆ ไปจากเราเท่านั้น มันสามารถให้อะไรแก่เราได้ ไม่ใช่ให้ความทุกข์ทรมาน แต่ให้สิ่งดีๆ กับเรา

เข้าใจตัวเอง ไม่กลัวมะเร็ง

ผู้หญิงคนหนึ่งเธอชื่อ “ไหม” เธอเคยเป็นโรคซึมเศร้า พยามเยียวยารักษายังไงก็ไม่หาย แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านม มันเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรม แต่ว่ามันกลับกลายเป็นดี เธอบอกว่ามะเร็งเนี่ยมันทำให้เธอเข้าใจตัวเองและรับมือกับโรคได้ดีขึ้น ทำให้เธอมีความสุขมากขึ้น เธอจึงไม่กลัวมะเร็งเลย

เธอบอกว่า ถ้าเธอเป็นมะเร็งเธอคงจะตายเพราะโรคซึมเศร้า เพราะเธอพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วสามครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ขนาดหมอที่เป็นจิตแพทย์ดูแลรักษาโรคซึมเศร้าของเธอ ในเวลาต่อมาถึงกับออกปากว่า ทัศนะการมองโลกการมองชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เธอเริ่มเป็นมะเร็ง

ค้นพบจุดหมายของชีวิตและใช้ชีวิตเต็มร้อย

มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ แกเป็นเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาวในกรุงเทพฯ รวมทั้งระดับ 3-4 ดาว อีกหลายโรงแรม ทรัพย์สินเมื่อ 30 ปีที่แล้วประมาณหมื่นล้าน แกพบว่า แกเป็นมะเร็ง นาทีแรกแกนึกถึงโรงแรมว่าแล้วใครจะดูแลใครจะบริหารโดยเฉพาะโรงแรมที่เป็นอันดับหนึ่งที่นักธุรกิจคนนี้ดูแลอยู่

แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานเป็นอาทิตย์แกก็เลยคิดขึ้นมาว่า คนเราตายไปมีเงินมากมายเพียงใดก็เอาไปไม่ได้เลยสักบาท และยิ่งกว่านั้นขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ผ่านมาแกก็ไม่เคยได้ใช้ เงินอย่างเต็มที่เลย

แกค่อยๆ เข้าใจว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาชีวิตมีแต่เงิน แต่ไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินไปทำไม และพอแล้วออกจากโรงพยาบาลแกขายโรงแรมทั้งหมด ทั้งที่เป็นโรงแรมอันดับหนึ่งที่เคยเป็นดวงใจของแก เพื่อจะได้มามีเวลาใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว อยู่กับต้นไม้ เหลือแค่โรงแรมเล็กๆ อีกโรงแรมหนึ่งในเกาะแห่งหนึ่งเพื่อเป็นช่องทางหรือแหล่งรายได้เล็กๆ น้อยๆ

มะเร็งทำให้ผู้ชายคนนี้ค้นพบจุดหมายของชีวิตและได้ทำให้ใช้ชีวิตเต็มร้อยอย่างแท้จริง

เข้าใจชีวิตและความทุกข์มากขึ้น

ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 30 พบว่า ตัวเองเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย ลูกของเธอยังเล็กยังไม่ทันได้เข้าเรียนเลย นาทีแรกๆ ที่รู้ว่าเป็นมะเร็งคือ นึกถึงลูกและแน่นอนเธอทุกข์มาก แต่ผ่านไป 2 ปี เมื่อปีที่แล้วแกให้สัมภาษณ์อุ๋ย บูดาเบลส น้ำเสียงสดใส สีหน้าสดชื่น เบิกบาน เหมือนกับคนที่ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเลย

มีประโยคหนึ่งเธอบอกว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็อยากเป็นมะเร็งเหมือนเดิม เพราะมะเร็งทำให้เธอไปไกลกว่าเดิม ไปไกลกว่าตอนที่ยังไม่ได้เป็นมะเร็ง ไปไกลในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความร่ำรวย แต่หมายถึงการได้เข้าใจชีวิต ถ้าตอนที่ยังไม่เป็นมะเร็งเธอบอกว่า เหมือนกับบัวใต้น้ำ เธอไม่ได้บอกว่าตอนนี้เธอเป็นเหนือน้ำนะแต่เธอเข้าใจชีวิตและความทุกข์มากขึ้น

มะเร็งคือ ของขวัญ

มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 40 กว่า เธอเป็นมะเร็งที่ไตและมันก็ลามไปถึงปลายประสาท เธอปวดมาก ตอนหลังก็ลามไปที่สมอง เยื่อหุ้มสมอง ปวดหัว มองเห็นภาพซ้อน ตาสู้แสงไม่ได้ ตอนหลังก็เริ่มเจ็บไปทั้งตัว ได้ยินเสียงดังๆ ก็ปวดไปหมดเลย นอนที่โรงพยาบาลต้องเอาม่านพรางแสงเอาไว้ เคยมีคนบอกเธอว่า มะเร็งคือ “ของขวัญ”

เธอบอกเธอไม่เข้าใจเลย มันจะเป็นของขวัญได้ยังไง มันทำให้ชีวิตเธอหยุดชะงัก และทำให้เธอเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ตอนหลังคนในครอบครัวของเธอก็เป็นมะเร็งกันคนสองคน มันจะเป็นของขวัญได้ยังไง มันกำลังพรากเอาชีวิตของคนในครอบครัวเธอไป

แล้วมาถึงวันที่เธอเนี่ยเป็นมะเร็งจนลุกลามมากขึ้น ปวดโน่นปวดนี่ปวดไปทั้งตัว ใครพูดเสียงดังก็ปวดปวด แต่หมอกลับพบว่า เวลามาเยี่ยมเธอน้ำเสียงสดใส สีหน้าแววตาเธอเบิกบาน หมอถามเธอว่า ทำไมเธอเปลี่ยนไปก่อนหน้านั้นเธอมาหาหมอ เธอหดหู่ เศร้าสร้อย แต่ตอนนี้เธอสดใส

เธอก็บอกว่า เธอมารู้ว่าอีกไม่นานนี้เธอก็ต้องตาย จึงได้คิดว่าต้องเตรียมตัวและพอมาคิดถึงตรงนี้ วินาทีนั้นเธอก็พบว่าเธอโชคดีที่ยังมีโอกาสเตรียมตัว ตอนนั้นแหละที่เธอพบว่า – ใช่จริงๆ ด้วย มะเร็งเป็นของขวัญ เธอโชคดีที่มีเวลาเตรียมตัวและของขวัญที่มะเร็งมอบให้กับเธอก็คือเวลาในการเตรียมตัวเตรียมใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากเพราะมันช่วยทำให้เธอสามารถจะใช้วันสุดท้าย สามารถจะอยู่จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตได้อย่างมีความสุข

มะเร็งไม่ได้พรากอะไรไปจากเรา

4 ตัวอย่างที่อาตมาเล่ามาเป็นตัวอย่างที่บอกให้เรารู้ว่ามะเร็งมันให้อะไรกับเราด้วย ไม่ใช่มันพรากอะไรจากเราไป สำหรับบางคนมันอาจทำให้รู้จักตัวเองและรับมือกับมันได้มากขึ้นจนหายจากโรคซึมเศร้า สำหรับบางคนทำให้เขาค้นพบจุดหมายของชีวิตและหันชีวิตจากการหาเงินหาทองมาเป็นการมาใช้ชีวิตเต็มร้อย

สำหรับบางคน มะเร็งทำให้เขาได้เข้าใจความทุกข์และอยู่กับความทุกข์ได้ดีขึ้น และสำหรับบางคนมะเร็งมันให้โอกาสให้เวลาที่เขาจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อทำให้วันสุดท้ายของชีวิตมันมีความหมาย มันมีความสุข

เพราะฉะนั้นเวลาเรามองความเจ็บป่วยโดยเฉพาะมะเร็ง เราอย่ามองแค่ว่ามันพราก มันบั่นทอน มันทำลายสิ่งดีๆ บางอย่างไปจากชีวิตของเรา มันให้อะไรบางอย่างกับเราด้วย เราไม่ได้เสียเราได้ด้วย ไม่ใช่ได้เงินได้ทองไม่ใช่ได้โชคลาภ แต่มันให้สิ่งที่มีค่ากว่านั้น คิดว่ามันเป็นพื้นฐานในการมองหรือวางใจต่อมะเร็ง รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อัมพฤกษ์ อัมพาต สโตรค ไตวาย มันให้อะไรบางอย่างกับเราด้วย

เมื่อเกิดขึ้น เราได้อะไรบางอย่างจากมัน เราไม่ใช่แค่เสียเท่านั้น

เทศนาธรรม พระไพศาล_วิสาโล หัวข้อ เผชิญความป่วยไข้ด้วยใจที่ปล่อยวาง

8 มิถุนายน 2568 สวนโมกข์กรุงเทพ

Copyright @2021 – All Right Reserved.