ไม่กี่วันก่อน “เศรษฐา” ประกาศไทยจะผลิตรถยนต์สันดาปเป็นชาติสุดท้ายของโลก เพื่อตอบแทนค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นที่มีพระคุณต่อเศรษฐกิจประเทศ แต่วันนี้กลับมานั่งรถ EV เข้าทำเนียบ หวังจะดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
นายกฯ เศรษฐา ส่งสัญญาณแบบนี้คงจะมึนงงไปตามๆ กัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์ข้อความระบุ “ปกติผมใช้รถ EV อยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่ภาคเอกชน วันนี้เลยนั่งมาประชุม ครม. ด้วยนั่งรถ EV มาประชุม ครม. บอกปกติใช้อยู่แล้ว ช่วยลดโลกร้อน ลด PM2.5 และประหยัดพลังงาน รัฐบาลพร้อมให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางการผลิตรถ EV
“รถ EV คือทางเลือกสำหรับอนาคตครับ ช่วยทั้งลดโลกร้อน ลด PM2.5 และประหยัดพลังงาน ดังนั้น รัฐบาลเราจึงสนับสนุนรถ EV และให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางการผลิต EV ของ Southeast Asia โดยรัฐบาลจะเป็น Salesman ในการเชิญชวนให้ทุกผู้ผลิตเข้ามาลงทุนให้มากขึ้นครับ”
ย้อนไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย. หรือเมื่อเดือนก่อนนี้ นายกฯ คนเดียวกันนี้ประกาศกลางเวทีสัมมนาใหญ่หัวข้อ “ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต” ซึ่งจัดโดยประชาชาติธุรกิจ ในการปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ใจกลางกรุงว่าจะต้องสนับสนุนรถยนต์สันดาป นายกฯเศรษฐา กล่าวไว้ว่า
“รัฐบาลนี้ไม่ลืมต้นน้ำ ไม่ลืมพระคุณที่รัฐบาลญี่ปุ่นหรือเอกชนญี่ปุ่นที่ช่วยเหลือประเทศไทยมาโดยตลอด ในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยเป็นดีทรอยต์ออฟเอเชีย มีโรงงานประกอบรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเยอะมาก ถึงแม้วันนี้ประเทศไทยจะสนับสนุนด้านอีวี
“แต่เราต้องสนับสนุนเครื่องยนต์สันดาปต่อไปด้วย การมาดูแลธุรกิจเดิมๆ ยังต้องดำเนินต่อไป และรถที่เครื่องยนต์สันดาปยังต้องมีต่อไปอีก 10-15 ปี ทำอย่างไรให้ภาคอุตสาหกรรมนี้อยู่ต่อไปได้ เดือน ธ.ค. ผมจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อชักชวนมาลงทุนต่อ”
เมื่อนำคำกล่าวของนายกฯ ทั้งสองช่วงมาประมวลแล้ว ทำให้เกิดความสับสนอยู่ไม่น้อย เพราะตอนถอย Lexus LM350h ป้ายแดงนั่งไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลก็ไม่ใช่รถ EV ซะหน่อย ประชาชนงงคงไม่เท่าไหร่ แต่บรรดาค่ายรถยนต์คงสับสนกับนโยบายรัฐบาลนี้ไปตามๆ กัน
ทั่วโลกเขากำลังขยับไปสู่พลังงานสะอาดและมีเป้าร่วมกันจากเวทีระดับนานาชาติที่จะยกเลิกใช้พลังงานฟอสซิล เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน แต่ทำไมไทยถึงกล้าออกตัวแรงอุ้มค่ายรถญี่ปุ่น แถมยังสับขาหลอกป่าวประกาศจะเป็นศูนย์ผลิตรถ EV ของอาเซียนเข้าไปอีก ผู้นำประเทศพูดแบบนี้จะให้นักลงทุนเขาเชื่อมั่นกับคำพูดไหนดี