คำมั่นปารีสล้มเหลว UN เตือน ‘อุณหภูมิโลก’ เสี่ยงพุ่งถึง 2.8 องศา

by Pom Pom

รายงาน Emissions Gap ล่าสุด ของ UNEP ตอกย้ำความล้มเหลวทั่วโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาดการณ์อุณหภูมิโลกอาจพุ่งถึง 2.8°C ภายในปี 2100 หากไม่มีการดำเนินการที่เด็ดขาด โดยกลุ่ม G20 ถูกชี้เป็นผู้ก่อมลพิษหลัก

 

สหประชาชาติ (UN) ได้ออกคำเตือนที่น่าตกใจ โดยระบุว่า โลกมีความเป็นไปได้ “สูงมาก” ที่จะทำให้อุณหภูมิสูงเกินเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญที่ตกลงกันไว้ในข้อตกลงปารีส ภายในทศวรรษหน้า

 

รายงานประจำปี Emissions Gap Report ที่เผยแพร่ โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีคำมั่นสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศ แต่หลายประเทศก็ “พลาดเป้า” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการดำเนินการตามเป้าหมาย

 

อิงเกอร์ แอนเดอร์เซน ผู้อำนวยการบริหารของ UNEP เปิดเผยว่า “ประเทศต่างๆ ได้พยายามทำตามสัญญาที่ให้ไว้ภายใต้ข้อตกลงปารีสมาแล้วสามครั้ง และทุกครั้งก็ล้มเหลว” โดยเน้นย้ำว่าแม้จะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เร็วพอที่จะบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

ทะลุเป้าหมายอย่างน่าเป็นห่วง

 

รายงานระบุว่า หากประเทศต่างๆ ดำเนินการตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ในแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ (NDCs) โลกจะร้อนขึ้น 2.3 ถึง 2.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2100 อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบัน สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคืออุณหภูมิโลกคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 2.8 องศาเซลเซียส (5 องศาฟาเรนไฮต์) ภายในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่จำเป็นต่อการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างมาก

 

ระดับอุณหภูมิที่ประเมินไว้นี้ สูงกว่าระดับที่แต่ละประเทศตกลงกันภายใต้ความตกลงปารีสว่าด้วยสภาพภูมิอากาศปี 2015 โดยผู้นำได้ให้คำมั่นว่าจะควบคุมภาวะโลกร้อนให้ “ต่ำกว่า” 2 องศาเซลเซียส และควรอยู่ที่ประมาณ 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟป่า ภัยแล้ง และภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศอื่นๆ

 

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “นักวิทยาศาสตร์บอกเราว่าอุณหภูมิที่สูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียสชั่วคราวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในขณะนี้ โดยจะเริ่มอย่างช้าที่สุดในช่วงต้นทศวรรษ 2030”

 

มลพิษเพิ่มขึ้นและผลกระทบจากกลุ่ม G20

 

รายงานยังเผยให้เห็นว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีอินเดีย จีน รัสเซีย และอินโดนีเซียเป็นแรงผลักดันหลัก แต่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 กลับเป็นผู้รับผิดชอบถึง สามในสี่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก และมีเพียงสหภาพยุโรปเท่านั้นที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน การตัดสินใจของสหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ถูกคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นอีกหนึ่งในสิบองศา

 

ทุก 0.1 องศาเซลเซียสมีความสำคัญ

 

นักวิทยาศาสตร์เน้นย้ำว่าอุณหภูมิที่สูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงที่จะเกิดหายนะ อเดล โทมัส รองประธานคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ของสหประชาชาติกล่าวว่า “อุณหภูมิทุก 1 ใน 10 องศาฟาเรนไฮต์มีผลกระทบต่อชุมชนและระบบนิเวศทั่วโลก” โดยชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อแนวปะการัง คลื่นความร้อนในมหาสมุทร ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และระบบนิเวศที่เปราะบาง

 

รายงานฉบับนี้ถูกเผยแพร่ออกมาเพียงไม่กี่วันก่อนที่ผู้นำโลกจะเข้าร่วมการประชุมสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ COP30 ที่บราซิล ซึ่งความล้มเหลวทั่วโลกในการแก้ไขวิกฤตนี้จะถูกนำมาพิจารณาอย่างเข้มข้นอีกครั้ง

 

อ้างอิง :

 

 

Copyright @2021 – All Right Reserved.