ถอดรหัส COP30 ภารกิจเร่งด่วนต่อยอด COP29 เตรียมจับตาประเด็นพลังงานสะอาด การปรับตัว และความยั่งยืน
การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 หรือ COP30 จะจัดขึ้นที่เมืองเบเล็ง (Belém) ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 10 – 21 พฤศจิกายน 2568 โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการแปลงเป้าหมายจากแนวทางการพูดคุยให้เป็นการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและมีผลกระทบจริง (1)
โดยเฉพาะหลังจากการประชุม COP29 ที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายหลายประการที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้โลกสามารถรับมือกับวิกฤตด้านสภาพอากาศได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม (1)
หนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญของ COP29 คือการรับรองเป้าหมายทางการเงินเชิงปริมาณชุดใหม่ (NCQG) ซึ่งมีการกำหนดให้มีเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2578 แม้ว่าจะถือเป็นความก้าวหน้าจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 100,000 ล้านดอลลาร์ แต่การค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) ก็ได้ประเมินเอาไว้ว่า ความต้องการที่แท้จริงอาจสูงถึง 1.46 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในปี 2573 ดังนั้นจึงมีการเสนอแผน “Baku to Belém Roadmap to $1.3 Trillion” เพื่อกระตุ้นให้มีการเพิ่มความมุ่งมั่นทางการเงินในอนาคตให้มากขึ้น (1)
การประชุม COP30 จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากในการดูว่า แผนงานนี้จะถูกพัฒนาไปในทิศทางใด เพื่อให้ตอบสนองต่อความคาดหวังของประเทศกำลังพัฒนา และช่วยลดช่องว่างทางการเงินที่ยังห่างไกลจากความต้องการที่แท้จริงซึ่งมีมูลค่าเป็นล้านล้านดอลลาร์ (3)
ในการประชุม COP29 กองทุนความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage Fund) ถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มจ่ายเงินในปี 2568 อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินที่ได้รับการรับรองในตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังห่างไกลจากความต้องการที่คาดการณ์ไว้ที่ 150,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ COP30 จะต้องมุ่งเน้นไปที่การระดมทรัพยากรทางการเงินและสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทุนนี้ เพื่อที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือที่มีความหมายจริงๆ กับประเทศที่มีความเปราะบาง โดยอาศัยกลไกการเงินที่สร้างสรรค์และการเข้าร่วมของผู้บริจาคในวงกว้าง (1)
ในด้านการปรับตัว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับหลายประเทศกำลังพัฒนา ถึงแม้ว่า COP29 จะมีความก้าวหน้าในการพัฒนากรอบการดำเนินงานด้านการปรับตัวในระดับชาติ แต่ความท้าทายที่ COP30 จะต้องเผชิญคือการเปลี่ยนแปลงกรอบการดำเนินงานเหล่านี้ให้กลายเป็นโครงการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “เงินทุนแบบให้เปล่า” สำหรับประเทศที่มีความเปราะบาง (1)
นอกจากนี้ การประชุม COP30 ยังคาดว่าจะมีความก้าวหน้าในการกำหนดตัวชี้วัดประมาณ 100 ตัว ซึ่งจะช่วยติดตามความก้าวหน้าของเป้าหมายการปรับตัวทั่วโลก (Global Goal on Adaptation – GGA) ทำให้เป้าหมายที่เคยกำหนดไว้ในความตกลงปารีสมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน (3)
อีกทั้งคาดว่าจะมีความก้าวหน้าใน กลไกตลาดคาร์บอน โดยมีการวางรากฐานสำหรับระบบการค้าคาร์บอนระดับโลกภายใต้กรอบของสหประชาชาติ ซึ่งมีมาตรฐานสูง และเชื่อถือได้ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตาม ยังมีความจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานของเครดิตคาร์บอนให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การประชุม COP29 ที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกที่มีการรับรองประเด็นนโยบายการค้า อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งมีการเปิดตัวแผนปฏิบัติการระยะหลายปี เพื่อเชื่อมโยงมิติทางเศรษฐกิจกับสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน (1)
ในส่วนของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การหารือใน COP29 มีการมุ่งเน้นไปที่การสร้างแรงผลักดันหลังจากการประเมินสถานะโลก โดยมีการเตรียมการสำหรับแผนการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDCs) ที่มีกำหนดส่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ประเทศกำลังพัฒนาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนทางการเงินและทางเทคนิคที่เพียงพอเพื่อช่วยเพิ่มความทะเยอทะยานในการบรรลุเป้าหมายต่างๆ (1)
คำถามที่สำคัญที่จะต้องพิจารณาในการประชุม COP30 คือจะออกแบบ NDCs รอบที่สามนี้อย่างไรให้สอดคล้องกับแนวทางการจำกัดอุณหภูมิที่ 1.5 องศาเซลเซียส และครอบคลุมทุกภาคส่วนและก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดตามข้อเรียกร้องจากการประเมินสถานะโลก (3)
การที่บราซิลจะเป็นเจ้าภาพจัด COP30 และจัดงานในบริเวณใกล้ปากแม่น้ำแอมะซอนนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่จะมีผลกระทบต่อการอภิปรายต่าง ๆ ในงานนี้ โดยเฉพาะประเด็นการลดการตัดไม้ทำลายป่าและการสร้างความยั่งยืนในพื้นที่ลุ่มน้ำแอมะซอน (3) ซึ่งจะมีความสำคัญมากสำหรับประเทศเจ้าภาพ โดย COP30 ตั้งใจที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการและความครอบคลุมในการตอบสนองต่อผลการประเมินสถานะโลกครั้งแรก (2)
ในงานยังมีการกำหนดวาระเฉพาะ(Thematic Days) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ 6 ประเด็นหลักในวาระการดำเนินการด้านต่าง ๆ ได้แก่ พลังงาน อุตสาหกรรม และการขนส่ง, ป่าไม้ มหาสมุทร และความหลากหลายทางชีวภาพ, การเกษตรและระบบอาหาร, เมือง โครงสร้างพื้นฐาน และน้ำ, การพัฒนามนุษย์และสังคม รวมถึงประเด็นข้ามมิติที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน (2)
COP30 ถือเป็นโอกาสที่สำคัญและเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงคำมั่นสัญญาให้กลายเป็นการปฏิบัติที่นำมาซึ่งผลกระทบจริงจัง โดยต้องมีความชัดเจนในด้านการเงินสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดคาร์บอน และการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมต่อความพยายามในการปรับตัว ขณะนี้ทั่วโลกกำลังตั้งตารอว่า ช่วงทศวรรษที่สำคัญนี้จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่จำเป็นต่อการปกป้องกลุ่มที่เปราะบางที่สุด และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคนได้หรือไม่ (1)
อ้างอิง:
(1) https://unctad.org/news/key-takeaways-cop29-and-road-ahead-developing-countries
(2) https://cop30.br/en/news-about-cop30/cop30-announces-ambitious-thematic-days-invites-the-world-to-belem
(3) https://www.iisd.org/articles/explainer/what-expect-cop-30?utm


