ANIMAL
-
ผมอยากใช้เหตุการณ์สลด ผู้พิทักษ์ป่าซับลังกา จ.ลพบุรี ถูกพรานยิงตายขณะเข้าจับกุม เขียน “จดหมายถึงพราน” เพื่อบอกกล่าวบางสิ่งบางอย่างในใจผม ต่อพวกพรานใจฉกาจ ถึงพรานใหญ่น้อยทั่วประเทศ
-
ตั้งแต่สมัยเป็นคอลัมนิสต์ ผมเขียนลงในหนังสือพิมพ์หลายครั้งหลายหน ในระดับ “เพ้อ” เลยทีเดียว พร่ำพูดถึงความดีความงามของ “บ่อนกแก่งกระจาน” อันเป็น “โมเดลการอนุรักษ์” ที่สุดยอดอันหนึ่ง เท่าที่เมืองไทยเคยมีมา
-
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นยะเยือกแห่งป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อุณหภูมิลดฮวบต่ำสิบตั้งแต่สิ้นแสงตะวัน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าขนท่อนฟืนมาก่อไฟไล่หนาวจนเปลวโชติช่วง ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ที่ส่องไฟฉายเล่นๆ ไปตามพุ่มไม้ ก็ร้องขานออกมาว่า “แมว!” ผมเด้งตัวจากเก้าอี้พลาสติก จนเก้าอี้หักกร๊อบ (เก้าอี้ของเจ้าหน้าที่ กรรม!) พอมองตามแสงไฟฉายไป ไม่อยากเชื่อสายตา ที่เห็นนั่นคือ แมวดาว (Leopard Cat)
-
ข้อเขียนนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของการไว้อาลัยให้กับ “ช้าง 11 ตัว” ที่สังเวยให้น้ำตกเหวนรก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่ง ณ เวลานี้ ทางกรมอุทยานฯ ตอบรับข้อเสนอจากคนรักช้างที่เดิมพันชีวิตตัวเอง ด้วยการอดข้าวประท้วง นัดประชุมหามาตรการป้องกันเหตุซ้ำรอยอย่างยั่งยืนแล้ว
วัวเป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญโดยมาจากการ “เรอ” ของพวกมันที่มีก๊าซมีเทนจำนวนมหาศาล การศึกษาใหม่โดยละเอียดพบหลักฐานเพิ่มเติมว่าการให้อาหารเสริมประเภทสาหร่ายทะเลจะช่วยให้วัวลดการปล่อยก๊าซมีเทนลงได้อย่างมากโดยไม่ส่งผลต่อสุขภาพหรือรสชาติของเนื้อสัตว์ ภาคเกษตรกรรมมีส่วนสร้างมลพิษรายใหญ่ที่สุดโดยเฉพาะจากภาคปศุสัตว์ที่ปลอ่ยก๊าซมีเทนมากถึง 37% ด้วยเหตุนี้จึงมีการเรียกร้องให้ผู้คนลดการบริโภคปริมาณเนื้อแดง แต่อาจไม่ใช่ทางออกเดียว เพราะการเปลี่ยนอาหารให้วัวก็ช่วยได้เช่นกัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานักวิจัยจาก CSIRO และ University of California Davis (UCD) ได้แสดงให้เห็นว่าการใส่สาหร่ายลงไปในอาหารปกติของวัวสามารถลดการปล่อยก๊าซมีเทนลงได้อย่างมาก สำหรับการศึกษาใหม่ทีมงานได้ปรับขนาดการทดลองจากสองสัปดาห์เป็นห้าเดือน โดยให้อาหารวัวเนื้อที่ผสมสาหร่ายทะเล Asparagopsis taxiformis จำนวน 21 ตัวในปริมาณที่แตกต่างกัน สาหร่ายชนิดนี้เติบโต ในน่านน้ำเขตร้อนของออสเตรเลีย โดยการทำงานของมันจะไปขัดขวางเอนไซม์ในลำไส้ของสัตว์ที่ผลิตก๊าซมีเทน นักวิจัยวัดระดับก๊าซมีเทนในลมหายใจของวัววันละ 4 …
ฤดูหนาวของไทยในทุกปี เรามักได้เห็นคำพาดหัวของหนังสือพิมพ์หัวสีประมาณว่า “ตะลึงนกยักษ์ตกทุ่งนา” เห็นคำนี้ก็หลับตาเดาได้เลย อีแร้งแน่นอน และแทบจะเจาะจงชื่อมันได้อีกต่างหากว่า อีแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย (Himalayan Griffon) เพราะเป็นอีแร้งหนึ่งเดียวที่ยังมาเที่ยวเมืองไทยอย่างสม่ำเสมอ สำหรับฤดูหนาวปีนี้ ที่ส่อเค้าจะหนาวจัดและหนาวนาน โอกาสที่จะมี “นกยักษ์” จะมาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง ดูจะมีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว