นักวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าโรคระบาดครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากตัดต่อพันธุกรรมและไม่ใช่อาวุธชีวภาพ แต่มันก็ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแบบ 100% แต่ธรรมชาติถูกมนุษย์คุกคามจนปลดปล่อยพลังแห่งการทำลายล้างออกมาต่างหาก มันอาจจะฟังดูเหมือนหนังไซไฟ แต่มีบางคนคิดแบบนี้จริงๆ Inger Andersen หัวหน้าของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เชื่อว่าธรรมชาติกำลังส่งสารถึงเราพร้อมกับการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสและวิกฤตสภาพอากาศที่กำลังดำเนินอยู่
Article
ท่ามกลางการต่อสู้กับโควิด-19 ยังมีคนที่ไม่ลืมว่าเรายังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขไปพร้อมๆ กัน Helen Regan เป็นโปรดิวเซอร์ฝ่ายดิจิทัลของ CNN เขียนบทความเอาไว้ว่า “โลกกำลังรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับโคโรนาไวรัส เราสามารถทำเช่นเดียวกันสำหรับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ”
ตั้งแต่สมัยเป็นคอลัมนิสต์ ผมเขียนลงในหนังสือพิมพ์หลายครั้งหลายหน ในระดับ “เพ้อ” เลยทีเดียว พร่ำพูดถึงความดีความงามของ “บ่อนกแก่งกระจาน” อันเป็น “โมเดลการอนุรักษ์” ที่สุดยอดอันหนึ่ง เท่าที่เมืองไทยเคยมีมา
ตามที่นักวิทยาศาสตร์จีนตีพิมพ์ผลงานวิจัยเผยแพร่ในวารสาร National Science Review ระบุว่า เชื้อไวรัส SARS-CoV2 ซึ่งเป็นสาเหตุการก่อโรค COVID-19 ที่มีอยู่ตอนนี้ได้มีการกลายพันธุ์ โดยมีสายพันธุ์รุนแรง เรียกว่า L type ส่วนสายพันธุ์รุนแรงน้อย เรียกว่า S type
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนใช้ยาแผนโบราณของจีน หรือ TCM เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโรคร้ายแรง ช่วงที่โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS) ระบาดเมื่อปี 2546 จีนก็ใช้ยาแผนโบราณช่วย และต่อมาเมื่อมีการระบาดของไข้หวัดนก หรือ H1N1 ยาแผนโบราณจีนก็มีบทบาทเช่นกัน
รู้หรือไม่ว่า คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนประชากรของทั่วโลกแค่ 10% โดยคนเหล่านี้ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยมลพิษทั่วโลกถึง 50% หรือประมาณครึ่งหนึ่ง ในจำนวนนี้คนกลุ่มที่กุมความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของโลกเอาไว้มีเพียงแค่ 1% การกอบโกยของพวก 1% ทำให้การผลาญทรัพยากรมากขึ้น เมื่อผลาญมากขึ้นสิ่งแวดล้อมโลกก็สั่นคลอนมากขึ้น
รู้หรือไม่ว่า คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนประชากรของทั่วโลกแค่ 10% โดยคนเหล่านี้ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยมลพิษทั่วโลกถึง 50% หรือประมาณครึ่งหนึ่ง ในจำนวนนี้คนกลุ่มที่กุมความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของโลกเอาไว้มีเพียงแค่ 1% การกอบโกยของพวก 1% ทำให้การผลาญทรัพยากรมากขึ้น เมื่อผลาญมากขึ้นสิ่งแวดล้อมโลกก็สั่นคลอนมากขึ้น
อาณานิคมเพนกวินในบางส่วนของแอนตาร์กติกได้ลดลงมากกว่า 75% ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าอาณานิคมของเพนกวินชินสแตรป (Chinstrap penguin) ลดลงอย่างมากตั้งแต่การสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อปี 2514 ซึ่งเวลานั้นมีเพนกวินจำนวน 122,550 คู่ทั่วทั้งเกาะเอเลแฟนท์ (Elephant Island) ซึ่งเป็นเกาะที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งนอกชายฝั่งแอนตาร์กติกา
เก็บตก “วันนกเงือก” 13 ก.พ. 2563 กิจกรรมที่จัดมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดขึ้นเป็นปีที่ 21 ณ สวนนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนพระราม 6 มีสาระสำคัญที่น่าสนใจ 13 ประเด็น ดังนี้
โดย – The Green Mile ถ้าเราหย่อนกบลงในน้ำเดือดทันทีทันใดมันก็จะกระโดดออกมา เพราะสะดุ้งน้ำร้อน แต่ถ้ากบถูกหย่อนลงไปในน้ำอุ่นแล้วนำไปต้มช้าๆ มันจะไม่รับรู้ถึงอันตรายและจะนอนแช่อยู่ในน้ำเดือดจนตาย เรื่องนี้มักใช้เป็นคำอุปมาถึงการไร้ความสามารถหรือไม่เต็มใจของผู้คนที่จะตอบสนองหรือตระหนักถึงภัยคุกคามที่น่ากลัวและเกิดขึ้นอย่างช้าๆ มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในทันที