สถานการณ์ไฟป่าในแคนาดาเลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์และได้ทำลายสถิติสูงสุดของประเทศ ล่าสุดได้เผาผลาญพื้นที่ในประเทศไปแล้วราว 1.4 แสนตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดเทียบเท่ากับรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ นอกจากมีประชาชนต้องอพยพกว่าแสนคนแล้ว ฝุ่นควันที่พัดปกคลุมไปทั่วประเทศทำให้มีการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากถึง 160 ล้านตัน
Climate
ผู้เชี่ยวชาญองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) เตือนว่า สถานการณ์เอลนีโญที่จะเกิดขึ้นระหว่างเดือน ก.พ. ถึง เม.ย. 2567 จะสร้างผลกระทบครั้งใหญ่ที่สุด และมีโอกาส 50% ที่ปีนี้จะเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และคาดการณ์ว่าในปีถัดไปจะร้อนยิ่งกว่าเดิมอีก
แคนาดาสั่งอพยพประชากรออกจากเมืองโอโซยูซ รัฐบริติชโคลัมเบีย หลังไฟป่าจากรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ลุกลามข้ามพรมแดนมาฝั่งแคนาดา
แม้เดือนกรกฎาคมจะยังไม่สิ้นสุด แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดที่เคยมีการบันทึกมา
รศ.ดร.เสรี ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต ยันกรุงเทพฯ และปริมณฑลจมน้ำแน่
คลื่นความร้อนที่ถาโถมจีน ยุโรป และสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากปราศจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์
คลื่นความร้อนแตะจุดสูงสุดที่ 53 องศาเซลเซียส ในทะเลทรายแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกของสหรัฐ ขณะที่น้ำท่วมฉับพลันยังคงคุกคามภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย
คลื่นความร้อนได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เพชฌฆาตเงียบ’ ด้วยเหตุผลว่ามันสามารถสร้างความเสียหายที่มองไม่เห็น การตั้งชื่อและจัดหมวดหมู่คลื่นความร้อนจะช่วยให้ประชาชนและหน่วยงานรัฐเตรียมพร้อมรับมือต่อสู้ความร้อน และสร้างความตระหนักรู้ใหม่ในสังคมร่วมกัน
คลื่นความร้อนเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสุดขั้วที่มีผลกระทบสูงสุดในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรป ฤดูร้อนในปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตสูงถึง 61,000 ราย โดยเฉพาะประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น กรีซ อิตาลี โปรตุเกส และสเปน